เราหงุดหงิดกับวิธีคิดของสรรพากร การคิดภาษีราย transaction กำไรคิด ขาดทุนไม่คิด มันเอาเปรียบกันมาก มีปัญหาเรื่องปัดเศษสตางค์สำหรับ transaction เล็ก ๆ ด้วย
ที่ดูจะเป็นธรรม ควรเป็นการคำนวณจาก NAV
ข้อมูลที่ต้องบันทึกโดยโบรกเกอร์ (ซึ่งก็มีอยู่ในระบบอยู่แล้ว)
NAV ต้นปี = เงินในพอร์ต + มูลค่าเหรียญ (ล่าสุดที่มีการซื้อขาย ก่อนวันที่ 1 มกราคมปีปัจจุบัน)
NAV ปลายปี = เงินในพอร์ต + มูลค่าเหรียญ (ล่าสุดที่มีการซื้อขาย ก่อนวันที่ 1 มกราคมปีก่อน)
เงินที่โอนและถอน
มูลค่าเหรียญที่โอนและถอน (คิดราคาที่มีการซื้อขายล่าสุด ก่อนการโอนเข้าออก หรือ ณ เวลาที่ส่งคำสั่งฝากถอน)
รายได้พึงประเมิน
NAV ปลายปี - NAV ต้นปี - เงินโอนเข้า + เงินถอนออก - มูลค่าเหรียญที่โอนเข้า + มูลค่าเหรียญที่ถอนออก
ถ้าขาดทุน ควรให้เครดิตสัก 10% - 50% ของการขาดทุน ไม่เกิน 100,000 บาท ก็ว่าไป เอาไปลดหย่อนปีถัดไป พิมพ์ใบลดหย่อนจากโบรกเกอร์เลย
ควรมีเพดานภาษีด้วย คนหนึ่งไม่ควรต้องจ่ายภาษีคริปโตเกิน (ตัวอย่าง) 100 ล้านบาท เพราะถ้าต้องขายเหรียญออกมาจ่ายเป็นจำนวนมาก ราคามันจะ dilute มาก เผลอ ๆ ขายไม่ได้ถ้าเป็นเหรียญที่ขาดสภาพคล่อง
ภาษีคริปโต ในแบบที่มันควรจะเป็น
ที่ดูจะเป็นธรรม ควรเป็นการคำนวณจาก NAV
ข้อมูลที่ต้องบันทึกโดยโบรกเกอร์ (ซึ่งก็มีอยู่ในระบบอยู่แล้ว)
NAV ต้นปี = เงินในพอร์ต + มูลค่าเหรียญ (ล่าสุดที่มีการซื้อขาย ก่อนวันที่ 1 มกราคมปีปัจจุบัน)
NAV ปลายปี = เงินในพอร์ต + มูลค่าเหรียญ (ล่าสุดที่มีการซื้อขาย ก่อนวันที่ 1 มกราคมปีก่อน)
เงินที่โอนและถอน
มูลค่าเหรียญที่โอนและถอน (คิดราคาที่มีการซื้อขายล่าสุด ก่อนการโอนเข้าออก หรือ ณ เวลาที่ส่งคำสั่งฝากถอน)
รายได้พึงประเมิน
NAV ปลายปี - NAV ต้นปี - เงินโอนเข้า + เงินถอนออก - มูลค่าเหรียญที่โอนเข้า + มูลค่าเหรียญที่ถอนออก
ถ้าขาดทุน ควรให้เครดิตสัก 10% - 50% ของการขาดทุน ไม่เกิน 100,000 บาท ก็ว่าไป เอาไปลดหย่อนปีถัดไป พิมพ์ใบลดหย่อนจากโบรกเกอร์เลย
ควรมีเพดานภาษีด้วย คนหนึ่งไม่ควรต้องจ่ายภาษีคริปโตเกิน (ตัวอย่าง) 100 ล้านบาท เพราะถ้าต้องขายเหรียญออกมาจ่ายเป็นจำนวนมาก ราคามันจะ dilute มาก เผลอ ๆ ขายไม่ได้ถ้าเป็นเหรียญที่ขาดสภาพคล่อง